ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Full Moon จันทร์กระจ่างฟ้า


พระจันทร์เต็มดวง Full Moon

Moon หรือดวงจันทร์ ในหัวข้อวันนี้ไม่เกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์หรือดาราศาสตร์แต่อย่างใด แต่กำลังจะกล่าวถึงพระจันทร์เต็มดวงที่เกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกในแง่ของความงามของแสง บรรยากาศที่เงียบสงบยามค่ำคืน อากาศที่เย็นสบาย สิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ก็ต้องไปหาดูแถวเมืองเล็กๆ  ริมน้ำ ริมทะเลหรือท้องทุ่ง เมื่อรวมกันแล้วก็จะเกิดความหมายของคำว่า เงียบสงบและเป็นสุขใจ (หรือบางเวลาอาจจะมีบางคนที่ต้องการอาศัยพระจันทร์มาช่วยสร้างอารมณ์เงียบเหงาให้เศร้ายิ่งขึ้น..)  ถ้าไม่มีเวลาไปสร้างบรรยากาศโรแมนติกยามค่ำคืนในการชมจันทร์ ขอเชิญทัศนารูปภาพที่บล็อกเกอร์รวบรวมมา ขอขอบคุณผู้ถ่ายภาพและผู้วาดภาพที่สวยงามเหล่านี้! 

ถ้าคลิกฟังเพลงประกอบในการเลื่อนดูภาพก็จะได้บรรยากาศใต้แสงจันทร์มากขึ้นทีเดียว...


คิดถึง - จันทร์กระจ่างฟ้า ร้องโดย..แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี


























วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชีวิตต้องมีสีสัน Life is Colorful



สีสันสดใส Life is Colorful

สี คือ สเปรคตัมของแสงอาทิตย์ ประกอบด้วยสีหลัก 7 สี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง พลังของแสงอาทิตย์ยังสามารถซึมซาบผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายที่เราเรียกว่าพลังออร่า สีของแสงไม่เพียงแต่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย แต่มีผลต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ของเราด้วย สีต่างๆ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างจิตใจ ร่างกายและอารมณ์ของคนเรา

**สีเขียว** สีที่ให้ความรู้สึกร่มรื่น สบายตา ผ่อนคลาย ปลอดภัย กระตุ้นให้เกิดความหวังและความสมดุล สามารถทำให้ประสาทตาผ่อนคลายและความดันโลหิตของเราลดลงได้

**สีน้ำเงิน** สีแห่งความสุขุม เยือกเย็น แต่หนักแน่น ละเอียดรอบคอบและคลายความเหงา ช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจได้ดีอีกด้วย

**สีฟ้า** สีที่ให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็น เป็นอิสระ ปลอดโปร่ง โล่งสบาย ช่วยให้ใจเย็นและระงับความกระวนกระวายในใจได้ดี 









**สีแดง** สีแรงฤทธิ์ที่กระตุ้นระบบประสาทได้รุนแรงที่สุด สร้างความรู้สึกเร้าใจ ตื่นเต้น ท้าทาย ตื่นตัว กระตือรือร้นและมีชีวิตชีวา เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ 

**สีม่วง** ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ ช่วยให้เกิดสมาธิและสร้างความสงบในจิตใจได้เป็นอย่างดี 


**สีส้ม** สีแห่งการสร้างสรรค์ อบอุ่น สดใส สร้างสติปัญญาความทะเยอทะยานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และสีส้มในทางจิตวิทยาจะช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ 
         
**สีเหลือง** สีแห่งความสนุกสนาน ความฉลาดรอบรู้ ความสดใสร่าเริง และทำให้มีอารมณ์ขันและยังสามารถใช้เยียวยาอาการท้อแท้ หดหู่ และหมดกำลังใจ

















วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เพชรา เชาวราษฎร์ บนปกหนังสือดาราภาพยนตร์ ปี 2513 - 2520


เพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง


เพชรา เชาวราษฎร์ (เกิด 19 มกราคม พ.ศ. 2486) ชื่อเล่น อี๊ด ชื่อจริง เอก เชาวราษฎร์ นักแสดงภาพยนตร์เจ้าของฉายา นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง มีผลงานแสดงประมาณ 300 เรื่อง ระหว่าง พ.ศ. 2505 - 2521  เพชราเกิดที่จังหวัดระยอง เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน เมื่ออายุ 15 ปี ได้เข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ   เธอได้รับการชักชวนให้เข้าประกวดเทพีเมษาฮาวายประจำปีพ.ศ. 2504  ได้รับการชักชวนจากศิริ ศิริจินดาและดอกดิน กัญญามาลย์ ให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง บันทึกรักของพิมพ์ฉวี เมื่อพ.ศ. 2505 เป็นเรื่องแรก ขณะอายุ 19 ปี โดยแสดงคู่กับ มิตร ชัยบัญชา 
เพชรา เชาวราษฎร์ แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์เรื่องที่สองคือเรื่อง ดอกแก้ว ตามด้วย หนึ่งในทรวง, อ้อมอกสวรรค์ และได้แสดงคู่กับมิตร ชัยบัญชา จนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนภาพยนตร์ เรียกว่า คู่ขวัญ มิตร-เพชรา   ประมาณ พ.ศ. 2515 เธอเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา เนื่องจากในการถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้แสงไฟสว่างจ้า เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหาจึงไปหาหมอแต่ว่าไม่ได้ไปตามนัดโดยสม่ำเสมอเพราะต้องไปถ่ายหนัง ใช้เวลารักษาอยู่หลายปีจนกระทั่งตาบอดสนิททั้งสองข้างเมื่อ พ.ศ. 2521 ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เธอแสดง คือเรื่อง ไอ้ขุนทอง (ข้อมูจากวิกิพีเดีย)

ภาพยนตร์เรื่องแรกของเพชรา เชาวราษฎร์ เรื่อง บันทึกรักของพิมพ์ฉวี ปี 2505 แสดงคู่กับมิตร ชัยบัญชา